วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ


กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ


            ถึงแม้ว่าในปัจจุบันบางประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีกฎหมายควบคุมสื่ออินเทอร์เน็ต ก็ยังไม่สามารถควบคุมภัยล่อลวงต่าง ๆ จากสื่ออินเทอร์เน็ตได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างเด็ดขาดเต็มที่โดยเฉพาะควบคุมดูแลการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารบนสื่ออินเทอร์เน็ตนั้นก็ยังเป็นปัญหา โดยเฉพาะการเผยแพร่สื่อสารลามกหรือบ่อนการพนัน

ซึ่งปัญหาดังกล่าว นอกจากจะเกี่ยวข้องกับสิทธิส่วนบุคคลในการเข้าถึงข้อมูล การก้าวก่ายสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐานของประชาชน ยังอาจจะขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญของประเทศอีกด้วย อีกทั้งลักษณะพิเศษของข้อมูลต่าง ๆ ที่อยู่ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต  เป็นเครือข่ายที่มีลักษณะเป็นใยแมงมุม  ซึ่งระบบกระจายความรับผิดชอบไม่มีศูนย์กลางของระบบ และเป็นเครือข่ายข้อมูลระดับโลกยากต่อการควบคุม และเป็นสื่อที่ไม่มีตัวตน หรือแหล่งที่มาที่ชัดเจน ทั้งผู้ส่งข้อมูล หรือผู้รับข้อมูล
             
ดังนั้นกฎหมายที่จะมากำกับดูแล หรือควบคุมสื่ออินเทอร์เน็ต จะต้องเป็นกฎหมายลักษณะพิเศษ เป็นที่ยอมรับในระดับสากล  แต่ความแตกต่างในระบบการเมือง สังคม และวัฒนธรรม ในแต่ละประเทศยังเป็นปัญหาอุปสรรค  ในการร่างกฎหมายดังกล่าวซึ่งปัจจุบันยังไม่ปรากฏผลเป็นกฎหมายยังคงอยู่ในระยะที่กำลังสร้างกฎเกณฑ์กติกาขึ้นมากำกับบริการอินเทอร์เน็ต

ประเทศไทยกับการพัฒนากฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ
           
 
กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศไทยเริ่มวันที่ 15 ธันวาคม 2541 โดยคณะ กรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติเรียก (กทสช) ได้ทำการศึกษาและยกร่างกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ 6ฉบับ ได้แก่
                
1. กฎหมายเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Transactions Law) 
                        เพื่อรับรองสถานะทางกฎหมายของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้เสมอด้วยกระดาษ อันเป็นการรองรับนิติสัมพันธ์ต่าง ๆ ซึ่งแต่เดิมอาจจะจัดทำขึ้นในรูปแบบของหนังสือให้เท่าเทียมกับนิติสัมพันธ์รูปแบบใหม่ที่จัดทำขึ้นให้อยู่ในรูปแบบของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ รวมตลอดทั้งการลงลายมือชื่อในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และการรับฟังพยานหลักฐานที่อยู่ในรูปแบบของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
Text Box: 6-2
                2.
 
กฎหมายเกี่ยวกับลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signatures Law)
                        
เพื่อรับรองการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ด้วยกระบวนการใด ๆ ทางเทคโนโลยีให้เสมอด้วยการลงลายมือชื่อธรรมดา อันส่งผลต่อความเชื่อมั่นมากขึ้นในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และกำหนดให้มีการกำกับดูแลการให้บริการ เกี่ยวกับลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ตลอดจนการให้ บริการอื่น ที่เกี่ยวข้องกับลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
                3. กฎหมายเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศให้ทั่วถึง และเท่าเทียมกัน (National Information Infrastructure Law)

                        เพื่อก่อให้เกิดการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ อันได้แก่ โครงข่ายโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศ สารสนเทศทรัพยากรมนุษย์ และโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศสำคัญอื่น ๆ อันเป็นปัจจัยพื้นฐาน สำคัญในการพัฒนาสังคม และชุมชนโดยอาศัยกลไกของรัฐ ซึ่งรองรับเจตนารมณ์สำคัญประการหนึ่งของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 
78 ในการกระจายสารสนเทศให้ทั่วถึง และเท่าเทียมกัน และนับเป็นกลไกสำคัญในการช่วยลดความเหลื่อมล้ำของสังคมอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อสนับสนุนให้ท้องถิ่นมีศักยภาพในการปกครองตนเองพัฒนาเศรษฐกิจภายในชุมชน และนำไปสู่สังคมแห่งปัญญา และการเรียนรู้
                
4. กฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Law)
                           เพื่อก่อให้เกิดการรับรองสิทธิและให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งอาจถูกประมวลผล เปิดเผยหรือเผยแพร่ถึงบุคคลจำนวนมากได้ในระยะเวลาอันรวดเร็วโดยอาศัยพัฒนาการทางเทคโนโลยี จนอาจก่อให้เกิดการนำข้อมูลนั้นไปใช้ในทางมิชอบอันเป็นการละเมิดต่อเจ้าของข้อมูล ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงการรักษาดุลยภาพระหว่างสิทธิขั้นพื้นฐานในความเป็นส่วนตัว เสรีภาพในการติดต่อสื่อสาร และความมั่นคงของรัฐ
                5. กฎหมายเกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (Computer Crime Law)
                           
เพื่อกำหนดมาตรการทางอาญาในการลงโทษผู้กระทำผิดต่อระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์ ระบบข้อมูล และระบบเครือข่าย  ทั้งนี้เพื่อเป็นหลักประกันสิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองการอยู่ร่วมกันของสังคม

                6. กฎหมายเกี่ยวกับการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ 
(Electronic Funds Transfer Law)

                          เพื่อกำหนดกลไกสำคัญทางกฎหมายในการรองรับระบบการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งที่เป็นการโอนเงินระหว่างสถาบันการเงิน และระบบการชำระเงินรูปแบบใหม่ในรูปของเงินอิเล็กทรอนิกส์ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อระบบการทำธุรกรรมทางการเงิน และการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มากยิ่งขึ้น



เทคโนโลยี Tablet กับการศึกษา



เทคโนโลยี Tablet กับการศึกษา

                        กระแสความนิยมใน Tablet PC หรือเครื่องคอมพิวเตอร์แบบกระดานชนวน ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง บริษัทต่างๆ ทยอยกันเปิดตัวTablet PC ของตัวเองอย่างคึกคัก ไม่เว้นแม้แต่ค่ายมือถือชื่อดังอย่าง BlackBerryที่เพิ่งเปิดตัว BlackBerry Playbook ซึ่งเป็น Tablet PC ตัวเก่งตัวแรกของบริษัท  ไปอย่างคึกคักในสหรัฐอเมริกาและแคนนาดา ด้วยความคาดหวังว่าจะสามารถแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดจาก Apple ที่ยืนตระหง่านเป็นเจ้าบัลลังค์ Tablet PC ตระกูล iPad อยู่ขณะนี้


   แต่ประโยชน์สุดๆ ของเจ้า Tablet PC นี้คือการใช้อ่านหนังสืออิเลคทรอนิคส์ หรือ E-Book สำหรับท่านที่ยังไม่คุ้นเคยกับคำว่า E-Book  ผมขอเล่าคร่าวๆ ให้ฟังสักนิดนะครับ เจ้า E-Book นี่ก็หน้าตาเหมือนกันกับหนังสือที่พิมพ์เป็นเล่มๆ บนกระดาษนี่ล่ะครับ  แต่จะต้องอ่านผ่านหน้าหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือหน้าจอของ Tablet PC   ซึ่งมีขนาดหน้าจอใหญ่พอๆ กับหนังสือจริงๆ เลยทีเดียว อีกทั้งยังสามารถอ่านได้ในที่มืดได้อีกด้วยโดยใช้แสงสว่างจากจอเข้ามาเป็นตัวช่วย


  ปัจจุบันนี้เริ่ม มีการใช้ Tablet PC ในแวดวงการศึกษากันอย่างคึกคักเลยทีเดียว ตัวอย่งเช่นในรัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงขั้นลงทุนซื้อ Table PC แจกให้กับนักเรียนเพื่อใช้แทนหนังสือในรูปแบบเดิมๆ  ทั้งนี้เพราะTablet PC จะช่วยประหยัดงบประมาณในการจัดพิมพ์หนังสือและตำราเรียนได้อย่างมากมาย อีกทั้งยังทำให้การปรับปรุงเนื้อหาตำราเรียนสามารถทำได้อย่างทันท่วงที โดยไม่ต้องรอหนังสือเป็นเล่มๆ หมดแล้วค่อยพิมพ์ใหม่แบบเดิมๆ อีกต่อไป   เพราะหนังสือต่างๆ ที่อยู่บน Tablet PC นั้นล้วนแล้วแต่เป็นหนังสืออิเลคทรอนิคส์ที่ถูกเก็บไว้ในรูปดิจิตอล จึงสามารถแก้ไขเพิ่มเติมได้ตลอดเวลา
                       Tablet PC หนึ่งเครื่องนั้นสามารถบรรจุหนังสือได้เป็นพันๆ เล่ม โดยผู้อ่านสามารถเลือกเล่มไหนขึ้นมาอ่านก่อนก็ได้ ความสามารถพิเศษอีกอย่างหนึ่งของTablet PC คือการเชื่อมโยงครูอาจารย์ และนักเรียนนักศึกษา เข้าด้วยกันผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ต ทำให้ข้อจำกัดเรื่องสถานที่ในการเรียนการสอนหมดไป ครูอาจารย์ และนักเรียนนักศึกษา สามารถอยู่กันคนละที่แต่เข้ามาเรียนพร้อมกันแบบเห็นหน้าเห็นตาผ่านทางกล้องที่ถูกติดตั้งมาบนTablet PC ได้  จึงทำให้การเรียนการสอนทางไกลเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย และเข้าไปถึงกลุ่มคนทุกชั้นไม่ว่าจะอยู่ในชนบทห่างไกลแค่ไหนก็ตาม

 สำหรับในประเทศไทย สถาบันอุดมศึกษาหรือมหาวิทยาลัยบางแห่งเริ่มมีการแจก Tablet PC ให้กับนักศึกษาใหม่แล้ว แต่การนำไปประยุกต์ใช้ยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจนแน่นอนเพราะยังต้องอาศัยการพัฒนาโปรแกรมมารองรับรวมทั้งเนื้อหาตำราในรูปแบบ E-Book ที่จะต้องมีจำนวนมากกว่านี้    ในขั้นนี้ Tablet PC ในไทยจึงอาจเป็นได้แค่เครื่องมือที่ไว้จูงใจนักศึกษาหรือสร้างภาพลักษณ์ทันสมัยให้กับมหาวิทยาลัยก่อน  แต่ในอนาคต เมื่อราคาจำหน่ายของ Tablet PC ถูกลงกว่านี้จะมีจำนวนของหนังสือตำราเรียนต่างๆ ทยอยเข้าสู่ E-Book มากขึ้น รวมทั้งจะมีการพัฒนาโปรแกรมเพื่อรองรับการอ่าน E-Book แบบไทย ๆ มากขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นTablet PC จะกลายเป็นช่องทางใหม่ ที่เปลี่ยนรูปโฉมการเรียนการสอนและการกระจายความรู้ให้เข้าถึงคนไทยได้อย่างมากมายมหาศาลเลยทีเดียวครับ



อัพเดต เทคโนโลยี SmartPhone ในปี 2012 กับ SIS


อัพเดต เทคโนโลยี SmartPhone ในปี 2012 กับ SIS
ผมได้มีโอกาสได้เข้าร่วมงาน SIS SmartPhone Dealer Conference จัดขึ้นที่โรงแรม JW Marriott Bangkok สุขุมวิท คราวนี้ไปในนามของดีลเลอร์ในการขายสินค้าออนไลน์บนเว็บไซต์ Weloveshopping จึงได้มีโอกาสอัพเดตเทคโนโลยีและแนวโน้มสมาร์ทโฟน จึงนำข้อมูลที่น่าสนใจมาฝากเพื่อนๆกันครับ

ต้องบอกว่า SIS มีบทบาทกับตลาดสมาร์ทโฟนในไทยมาก เพราะเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับแบรนด์มือถือสมาร์ทโฟนแบรนด์ Samsung Galaxy Series ยกแผง HTC Android ยกแผง Motorola Android ก็ยกแผง Acer SmartPhone ก็เป็นของ SIS และที่ขึ้นชื่อก็คือ BlackBerry ทั้งสมาร์ทโฟนและแท็ปเล็ต รวมไปถึงอุปกรณ์เสริมอย่าง Bluetek, Sandisk ที่เน้น Mobile Storage Class 6 และ Lost Dog เคสที่ใช้วัสดุย่อยสลายได้ง่าย เรียกว่า SIS เองก็เป็นผู้แทนจำหน่ายสมาร์ทโฟนกวาดเกือบทั้งตลาดเมืองไทยเลยทีเดียว ดังนั้น การสัมมนาในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นการบอกแนวโน้มของสมาร์ทโฟนในไทยได้เป็นอย่างดี
พอเข้าไปในงาน ก็ได้พบกับ บูธของ SmartPhone ค่ายต่างๆ ที่บอกไป รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ของ SIS อย่าง Dlink ที่เป็นกล้องไร้สาย และ Norton ที่มาแนะนำ Mobile Security บนมือถือ Android

เริ่มเปิดงานโดยคุณสมชัย คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีทั้งดีลเลอร์ และบรรดาตัวแทนจำหน่ายต่างๆ

หลักๆแล้ว สินค้าที่ SIS ขายก็คือ SmartPhone, Tablet, Notebook และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ซึ่งคุณก็สามารถสั่งซื้อออนไลน์ มีโปรโมชั่นดีๆเพียบจาก WeloveShopping ด้วยเช่นกัน งานวันนี้ ได้ยินคำว่า Ice Cream Sandwich ตลอดทั้งวัน เพราะ Android 4.0 มาแรงมาก กับหลายๆค่ายที่ชูจุดเด่นนี้
ตามที่ SIS แบ่ง ผมเห็นว่าน่าสนใจ เลยนำมาบอกกล่าวกัน โดย SIS แบ่ง Tablet เป็น 3 ประเภท
1. Android 4.0 Ice Cream Sandwich
2. Windows 8 ในงานได้มีการเปิดวีดีโอจากงาน CES ให้ตัวแทนจำหน่ายดูด้วย

3. Notebook + Tablet คือ Tablet ใส่คีย์บอร์ดประกอบเข้าไปได้ ถอดออกได้ คือ แบบพับได้ (Yoga) [Notebook ที่หมุนจอ 180 องศา จนหน้าจอติดกับแป้นพิมพ์จนทำหน้าที่เป็นแท็ปเล็ตได้ จาก Lenovo] แบบถอดเปลี่ยนได้ (Transformer) [มาจาก ASUS] และแบบ Slide

สิ่งที่น่าสนใจคือ ปัจจัยที่ทำให้ 3G เติบโตในไทย

1) มือถือ Android มีราคาถูกลง เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น อุปกรณ์เหล่านี้รองรับการเชื่อมต่อ 3G ในราคาไม่กี่พันบาท
2) มีการใช้อุปกรณ์ 3G เป็นจำนวนมาก รวมไปถึง Air Card, Mi-Fi, 3G Router

3) แอพพลิเคชั่น Social Network ทำให้คนติดการออนไลน์มากขึ้น

4) ราคา data package ถูกลงมาก

และมีการพยากรณ์ว่า ในปี 2020 นั้น จะมีจำนวนสมาร์ทโฟนมากถึง 77 ล้านเครื่อง ตัวเลขนี้ไม่น่าแปลกใจ เพราะมันอาจจะเติบโตเร็วกว่าที่คิดก็ได้ แถมตอนนี้คนไทยก็พกมือถือ 2-3 เครื่องกันอยู่แล้ว และ data package ก็ถูกลงเยอะมาก จนอยู่ในระดับที่จ่ายได้
จากนั้นเป็นการบรรยายโดยคุณโอภาส ผู้จัดงาน Thailand Mobile Expo ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 26 – 29 มกราคมนี้ มีการสำรวจว่า ช่วงราคาของสมาร์ทโฟนที่คน กทม ซื้อ อยู่ในช่วง Hi-End SmartPhone ระดับ 16,000 บาท (ผลสำรวจปี 2011) จากปี 2010 ที่มองมือถือราคา 20,000 เพราะตอนนี้ Dual Core ราคาถูกเยอะมาก ระดับราคา 16,000 บาทก็เพียงพอแล้ว และหากเป็นตลาด Mid-End จะมองมือถือระดับ 9,000 – 16,000 บาท ตลาดต่างจังหวัดก็พอๆกัน เพราะตลาดของสมาร์ทโฟนนั้น การใช้งานในจังหวัดใหญ่ๆ ใช้งาน 3G ได้ครอบคลุมหมดแล้ว
และการเลือกซื่้อ จากเมื่อก่อน ที่ตั้งคำถามว่า “จะซื้อร้านไหนดี” เปลี่ยนเป็น “จะซื้อจากค่ายโอเปอเรเตอร์ไหนดี” ตอนนี้ในไทยมีเครื่อง Samsung, HTC, BlacBerry, Motorola หลายๆรุ่นขายแยก SKU คือ 900MHz กับ 850MHz หลายๆรุ่นระยะหลังรองรับ 3G ทุกค่าย อย่าง Samsung Galaxy Nexus
คำมีแนะนำที่น่าสนใจ เกี่ยวกับพฤติกรรมในการเลือกซื้อมือถือในงาน ประเด็นคือ ร้านค้า “ไม่รู้” พฤติกรรมของลูกค้า
80% ของลูกค้า สนใจโปรโมชั่นที่เขียนจากลายมือ มากกว่าจะพิมพ์ตัวอักษรสวยงาม อันนี้ความเห็นส่วนตัวผมชอบนะ เคยทำงานกับ BananaIT และ Hardware House สังเกตว่า Sony จะไม่ใช่การพิมพ์เลย แล้วถ้าสังเกตร้านขาย Notebook จะเขียนด้วยลายมือ ทำให้สินค้านั้นน่าสนใจและมองว่าราคาถูก ของแถมเยอะ มากกว่าจะพิมพ์เป็นระเบียบ เพราะมันไม่ Hard Sale!
80% ของลูกค้า สนใจของแถมคือตุ๊กตาตัวใหญ่ มากกว่าจะแถมมือถือรุ่นเล็กๆ ถูกๆ
80% ของลูกค้า สนใจสมาร์ทโฟน มักจะคุยกับคนขายผู้ชาย และยอมยืนรอคุยกับคนขายผู้ชาย มากกว่าผู้หญิง อาจจะเป็นเพราะ ลูกค้ามองว่าผู้ชายให้คำแนะนำด้านเทคนิคได้ดีกว่า เพราะสมาร์ทโฟนใช้งานยาก รวมไปถึง ลูกค้ายอมเดินไปคุยกับร้านที่ตั้งอยู่ด้านในห้าง มากกว่าร้านที่อยู่ด้านนอก อาจจะเพราะคิดว่า ราคาถูกกว่า คุยได้ง่ายกว่า
และร้านไหนที่ดูวุ่นวาย คนสนใจเยอะ ลูกค้าก็จะสนใจมากกว่าร้านเงียบๆ (แบบนี้หน้าม้าต้องทำงานสักหน่อยสินะ) อีกเรื่องคือ ลูกค้ามองหาพนักงานขาย ที่ใส่เสื้อแบรนด์ที่ตนต้องการจะซื้อ เพราะคิดว่า เป็น PC หรือพนักงานที่ได้รับการฝึกฝนให้ขายแบรนด์นั้นๆโดยตรง รู้จริงมากกว่า ตรงนี้่ฝ่ายการตลาดและแบรนด์ควรรับฟังนะครับ ลูกค้าไม่รู้หรอกว่าพนักงานคนไหนถนัดสมาร์ทโฟนยี่ห้อไหน แต่ถ้าใส่แบรนด์ไหน ก็น่าจะรู้ดีกว่าคนอื่นที่ใส่เสื้อแบรนด์อื่น อันนี้คือเสียงของลูกค้า น่าสนใจดีครับ
จากนั้น เป็นการพาชมเทคโนโลยี แนวโน้ม และผลิตภัณฑ์ของค่ายสมาร์ทโฟนแบรนด์ต่างๆ ของผมอยู่ป้ายติดหน้าอกสีเขียว ดังนั้น จึงไปเยี่ยมบูธ BlackBerry ก่อน

แนวโน้มของ BlackBerry แม้ว่าจะออก Playbook มาเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้ก็ตอกย้ำและยืนยันว่า BlackBerry ไม่ใช่แค่ BB นะ แต่เป็นมากกว่านั้น

มีการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ และ BlackBerry OS7 การทำงานร่วมกับจอสัมผัส และการรองรับ NFC

มีการแนะนำ BlackBerry Curve 9220, 9320 บางแบบ Slim เน้น Social Network จับกลุ่มวัยรุ่น จอสี มี QWERTY มี 3G GPS ครบ รองรับ FM ด้วยแบบ Built-in กับ OS7.1

รุ่นที่น่าสนใจคือ BlackBerry Porsche Design สวยงามมาก

ปกติแล้ว BlackBerry OS 7.1 รองรับ FM แต่สำหรับ Curve 9220, 9320 จะมี บิวท์อินมาให้เลย

รวมไปถึงการแนะนำ LXD ภาพยนตร์แนวเต้น เป็น Exclusive Contents บน Torch 9810, Curve 9380 มีโปรโมชั่นในงาน Thailand Mobile Expo

ถัดมาคือบูธ Acer แรกเห็นผมได้จ้องตากับ Acer iconia tab A101 รู้สึกชอบและอยากได้ขึ้นมา ลองสัมผัสแล้วชอบสุดๆ เพราะหน้าจอ 7 นิ้ว มีการเชื่อมต่อครบครันแบบไม่ต้องใช้ Docking

ชอบตรงนี้รองรับ 3G ทุกค่าย ราคายังไม่เปิด แต่มี 2 รุ่น A100 กับ A101 อันหลังใส่ซิม 3G ได้ทุกค่าย

และ Acer ยินดีชู Ice-Cream Sandwich ให้ชิมกัน กับ Acer A510

ส่วน HTC มานำเสนอ HTC Sense 3.5 การจัดการอินเตอร์เฟซ หน้าจอ เมนูคำสั่ง ช็อตคัตต่างๆ

HTC Sense 3.5 ปรับเรื่อกล้องให้ถ่ายภาพกลางคืนได้ดีขึ้น มี Dropbox มีความสามารถในการ Encrypt SD Card เผื่อเครื่องหาย ภาพหลุดจะได้ไม่โผล่ Youtube

ในส่วนของ SIS เองก็นำเสนออุปกรณ์เสริม หน่วยความจำ Mobile จาก Sandisk เพราะตอนนี้เราใช้สมาร์ทโฟนในการถ่ายวีดีโอ และแนะนำ Norton Mobile Security ป้องกันความปลอดภัยจากการขโมยรหัสผ่านต่างๆบนมือถือ โดยเฉพาะ Android และมี Anti-theft mode สั่ง wipe data ได้

จากนั้นก็แวะไปยลโฉม Motorola กับการทำตลาดในไทย และการแนะนำ Motorola RAZR เห็นสีขาว สวยมาก

จากนั้น Samsung ต้องบอกว่า สำหรับ SIS นั้น จัดเต็ม กับ Samsung Galaxy Series คือขายแต่ SmartPhone Android [Galaxy] ของ Samsung ทั้งหมด ไม่ขาย bada นะจ๊ะ

ตอนนี้เปิดตัวรุ่นใหม่ Samsung Galaxy Tab 7.7 ในงาน Thailand Mobile Expo ส่วนรุ่นที่ขายคือ Samsung Galaxy SII, Samsung Galaxy Y, Samsung Galaxy Note, Samsung Galaxy Nexus, Samsung Galaxy Tab 8.9 / 10.1 / 7Plus

และแนะนำ Samsung Galaxy Nexus กับการปลดล็อคด้วย Face Detection แสกนใบหน้า

จากที่มองตลาดสมาร์ทโฟนที่ขายในแต่ละแบรนด์ จะสังเกตได้ว่า
- สมาร์ทโฟน เน้นกล้อง ฟังก์ชั่นการถ่ายภาพมากขึ้น
- หลายรุ่นมีไฟแฟลช LED
- ปีนี้ Android 4.0 มาแรง Pure Google อย่าง Samsung Galaxy Nexus น่าจะได้รับความนิยม
- แท็ปเล็ตกลายเป็น Android 4.0 Ice Cream Sandwich น่ากินไปแทบจะทั้งหมด
- ไม่น่าจะมีแท็ปเล็ตที่ใช้ Android 2.2 Froyo แล้ว อย่างเช่น Samsung Galaxy Tab 7 ตัวแรก ถูกลืมไปเลย
- เน้นดีไซน์ ความบาง รองรับ 3G ทุกค่ายจะปวดหัวน้อยกว่ามากๆๆๆๆ
- อุปกรณ์เสริมขายดี เคส กันรอย แบตเตอรี่สำรอง
- SIS ขายแทบทุกแบรนด์ของสมาร์ทโฟน ทำให้รู้ข้อดีข้อเสียแต่ละรุ่น และพนักงานขายได้เปรียบเทียบแต่ละรุ่นด้วย
ขอบคุณ SIS ที่เชิญเข้าร่วมฟังการอัพเดตเทคโนโลยีด้วยนะครับ ส่วนใครสนใจรุ่นไหน อยากซื้ออนไลน์ แนะนำให้ไปที่ Weloveshopping

เทคโนโลยี โทรทัศน์


                                      

 เทคโนโลยี โทรทัศน์ 


samsung_plasma_tv_series_4_series_5.jpg

โทรทัศน์ เป็นสื่อชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงหลายสิบปีที่ผ่าน มาสื่อชนิดนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตในสังคมยุคปัจจุบัน ที่ทุกบ้านจำเป็นต้องมี ภาพชีวิตที่สะท้อนผ่านกรอบหน้าจอสี่เหลี่ยมเล็กๆ  ไม่ยากนักที่จะสะกดให้สายตาทุกคู่ที่กำลังเฝ้ามองเห็นคล้อยตามไปด้วย ทั้งโศกเศร้า  เฮฮา  ล้วนแต่เป็นสื่อมายาที่ผู้ชมคล้อยตามอ่อนไหวไปกับความหลากหลายทางอารมณ์ที่ รับผ่านทางหน้าจอสี่เหลี่ยม
           โทรทัศน์ ได้กลายเป็น สื่อสำคัญในการเข้าถึงในทุกครัวเรือนสร้างอิทธิพลในการโน้มน้าวและเปลี่ยน แปลงความคิดความอ่านของผู้คนมาอย่างยาวนาน แต่กว่าจะเป็นโทรทัศน์ที่มีติดบ้านกันแทบทุกจะหลังคาเรือนอย่างเช่นทุก วันนี้ โทรทัศน์ก็มีวิวัฒนาการมาอย่างยาวนาน การผลิตโทรทัศน์ออกมาสักเครื่องจำต้องอาศัยองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ใน หลายๆแขนง ไม่ว่าจะต้องอาศัยองค์ความรู้จาก

           -  การค้นพบธาตุซิลีเนียมของ จาคอบ เบอร์เซเบียส (Jacob Berzebius) ในปี พ.ศ. 2360 ซิลีเนียมเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ใช้ในการผลิตโฟโตอิเล็กทริกซ์ ซึ่งมีคุณสมบัติในการเปลี่ยนพลังงานแสงให้เป็นพลังงานไฟฟ้า
           -  หลอดรังสีแคโทด เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่งของการพัฒนาโทรทัศน์ วิลเลียม ครุก (William Crook) ได้คิดค้นขึ้นเป็นผลสำเร็จ เขาเรียกมันว่า  หลอดไฟฟ้าครุก ซึ่งต่อมาได้มีการพัฒนาและปรับปรุง จนกลายมาเป็นอุปกรณ์สำคัญในการสร้างเครื่องรับโทรทัศน์ในยุคปัจจุบัน
           -   ในปี พ.ศ.2407 เจมส์ แมกเวลล์ (James Clerk Maxvell) ค้นพบรังสีแม่เหล็กไฟฟ้า ถือเป็นจุดสำคัญอีกประการหนึ่งของการเกิดสื่ออย่างโทรทัศน์ เพราะเทคโนโลยีของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าถูกนำมาใช้เป็นพาห์ในการรับส่งภาพและ เสียงของโทรทัศน์นั้นเอง
           -  รูดอล์ฟ เฮิร์ทซ์ (Rudolph Henrich Hertz) เป็นผู้ซึ่งสามารถประดิษฐ์เครื่องมือที่สามารถ ใช้รับส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า  คลื่นที่ถูกส่งออกไปถูกเรียกว่าคลื่นเฮิร์ต อันถือว่าเป็นการให้เกียรติแก่นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันผู้นี้ในฐานะผู้ค้น พบ

           แต่สำหรับจุดเริ่มต้นอันเป็นก้าวย่างสำคัญของการเกิดโทรทัศน์คือการค้นพบของพอล นิพโกว์ (Paul Nipkow) นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน ซึ่งสามารถรวมเอาองค์ความรู้ในแขนงต่างๆมาสร้าง ให้เกิดภาพบนจอรับได้ วิธีการของ ปอล นิพโกว์ ใช้หลักการสแกนภาพที่ใช้ระบบจานหมุนซึ่งเขาเรียกมันว่าจาน นิพโกวดิสก์



Philo Farnsworth

           ระบบ อิเล็กทรอนิกส์ที่คิดค้นโดยนักวิทยาศาสตร์ฟากอเมริกันมีการทำงานที่แตกต่าง กับโทรทัศน์ระบบกลไก โดยวิธีการทำงานของโทรทัศน์ระบบอิเล็กทรอนิกส์อาศัยหลอดวิทยุที่ทำหน้าปล่อย แสงและรับแสงโดยแปลงออกมาเป็นคลื่นไฟฟ้า มีอุปกรณ์สำคัญอีกชนิดที่ทำหน้าที่ยิงแสง เรียกว่าปืนอิเล็กทรอนิกส์  ปืนอิเล็กทรอนิกส์จะจับภาพและยิงภาพออกไปเป็นลำแสงเล็กๆ  หลอดวิทยุที่มีความไวในการรับแสงจะแปลงแสงให้กลายเป็นคลื่นไฟฟ้าและส่งออกไป ในเครื่องรับ ปืนอิเล็กทรอนิกส์จะทำหน้าที่ตรวจสแกนคลื่นที่ถูกส่งมาทำให้ปรากฏเป็นภาพ ขึ้นในเครื่องรับได้ ความสามารถของปืนอิเล็กทรอนิกส์มีมากกว่าจานหมุนทำให้โทรทัศน์ระ บอิเล็กทรอนิกส์ให้ภาพที่คมชัดกว่าโทรทัศน์ระบบกลไกของ  จอห์น แบร์ด การทดลองออกอากาศโทรทัศน์ในระบบอิเล็กทรอนิกส์กลายมาเป็นพื้นฐานที่ได้พัฒนา ปรับปรุงมาจนกลายเป็นระบบการรับส่งโทรทัศน์ในปัจจุบัน

           หลัง จากนั้นระบบโทรทัศน์ก็ได้รับการพัฒนามาเรื่อยๆ จากยุคเริ่มต้นที่มีจอภาพขาวดำ พัฒนามาเป็นระบบรับส่งจอสี จนมาถึงยุด LCD ดูเหมือนว่ายุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปจะทำให้ ความนิยมในสื่อชนิดนี้ลดน้อยถอยลงตามกาลเวลา โดยเฉพาะการเข้ามาแทนทีด้วยสื่อสมัยใหม่หลายชนิด ที่สำคัญอย่างเช่นอินเตอร์เนต ก็เป็นสื่อยุคใหม่อีกชนิดหนึ่งที่สามารถดึงความสนอกสนใจของผู้คนออกจากสื่อ โทรทัศน์ได้มากพอสมควร โทรทัศน์ลดบทบาทในการกำหนดวิถีชีวิตและค่านิยมลดน้อยลงตามลำดับ

           แม้ จะล้าสมัยลงกลายเป็นสื่อยุคเก่าที่ไม่สามารถนำพาความรู้สึกแปลกใหม่มาสู่ผู้ คนในสังคมได้ แต่สื่อแต่ละประเภทก็ย่อมมีเสน่ห์ในตัวมันเองการเข้ามาของโทรทัศน์ ไม่ได้ทำให้สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อวิทยุล้มหายตายจากลงฉันใด การเข้ามาของสื่อไฮเทคสมัยใหม่ก็ย่อมไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของโทรทัศน์ลดน้อยถอย ลงด้วยเช่นกัน แม้จะได้รับนิยมลดน้อยถอยลงจากแต่เดิม แต่เสน่ห์หรือคุณค่าในตัวมันเองยังมีอยู่ ยิ่งการพัฒนาสู่ยุคทีวีสามมิติ ยิ่งเหมือนการเรียกร้องให้ผู้คนหันกลับมาสนใจพัฒนาการอันแปลกใหม่และตื่นตา ตื่นใจในสื่อชนิดนี้

   ก้าวสู่ยุคทีวีสามมิติ 

           ทีวี สามมิติเป็นนวัตกรรมในวงการทีวี หากใครเคยรับชมภาพยนต์สามมิติที่เคยเข้าฉายในบ้านเรามาบ้าง ย่อมซึมซาบและสัมผัสได้กับความตื่นเต้นเร้าใจ แปลกใหม่ที่ได้รับจากภาพยนต์สามมิติ ภาพสัตว์ป่าดุร้ายที่หมายโจนขย้ำเหยื่อ ดูคล้ายกับว่ามันกำลังเผ่นโผนออกมาในจอ กรงเล็บที่กางออกสุดเหยียดพร้อมจะตะปบเหยื่อ ย่อมสร้างความเสียวซ่านไปถึงปลายผมของผู้รับชมได้เป็นอย่างดี 

           ข้อดีของ ทีวีสามมิติแบบใหม่ไม่จำเป็นต้องอาศัยอุปกรณ์เสริมอย่างอื่นเลย   ทีวีสามมิติสามารถสื่อความตื่นเต้นออกมาโดยไม่ต้องอาศัยแว่นตาสามมิติแบบ เก่าๆที่เราเคยคุ้นชิน ความตื่นเต้นสสมจริงสามารถสัมผัสได้ด้วยตาเปล่า  ผู้ผลิตหลายค่ายต่างเร่งทุ่มสรรพกำลังในการศึกษาค้นคว้าเพื่อจะผลิตทีวีสาม มิติออกมาโดยอาศัยเทคโนโลยีและความรู้ความเชียวชาญที่แตกต่างกันไปแต่ล้วนมี เป้าหมายเดียวกันนั้นคือการเนรมิตภาพสมจริงแบบสามมิติผ่านหน้าจอทีวี เช่น

           ฟิลลิปผู้ ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่มีกระแสข่าวออกมานานแล้วว่ากำลังจะมีการส่ง ทีวีประสิทธิภาพสูงหรือเอชดีทีวี (high-definition) ซึ่งสามารถแสดงภาพแบบสามมิติออกมาวางตลาด ฟิลลิปใช้วิธีการยิงลำแสงออกจากพิกเซลทั้งหมดของจอภาพ ทำให้เกิดเป็นภาพที่ทับซ้อนกันถึง 8 ภาพเมื่อตาของเรารับภาพที่แตกต่างกันจำนวนมากเช่นนี้ จึงทำให้มองให้เห็นมิติของความลึกเพิ่มมาในรูปแบบของภาพสามมิติ
           บริษัทซีเรียลของลักเซมเบิร์ก ใช้ เทคโนโลยีที่แตกต่างไปจากฟิลลิปโดยใช้การผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยี "ซับ-โฮโลแกรม"และ "วิววิ่ง วินโดว์ส " ทำให้เกิดเป็นภาพสามมิติขึ้นมา
           โซนีก็ เป็นผู้ผลิตอีกหลายที่มุ่งมั่นและประกาศออกมาว่าจะมีทีวีสามมิติออกมาให้ บริการภายในแบรนด้ของตนภายในเวลาอีกไม่นาน โดยจะผลึกกับเทคโนโลยีในการสร้างทีวีที่ตนมีความถนัดอยู่ก่อนแล้ว จึงมีการคาดหมายกันว่าในเวลาไม่ช้าไม่นานนี้น่าจะมีทีวีสามมิติจากโซนี่ออก มาแน่นอน

           ดู เหมือนว่าทุกค่ายผู้ผลิตกำลังเร่งไปในทิศทางเดียวกันคือการ เร่งผลิตทีวีสามมิตออกมาเพราะคาดการณ์กันว่ายังไงเทคโนโลยีชนิดก็ต้องย่อม เกิดขึ้นในเวลาไม่ช้าไม่นาน การเป็นผู้ผลิตรายแรกย่อมได้รับส่วนแบ่งทางการตลาดที่คุ้มค่า ทั้งยังกลายเป็นผู้นำของเทคโนโลยีใหม่ สื่อโทรทัศน์กำลังลดความสำคัญลงเป็นลำดับเพราะการเข้ามาแทนทีของสื่อสมัย ใหม่ และทางเลือกของผู้บริโภคที่มีมากขึ้น การโดนแย่งความสนใจ ของสื่อโทรทัศน์จากกิจกรรมอย่างอื่นที่มีอยู่หลาก หลายนับวันจะผลักให้สื่อโทรทัศน์กลายเป็นสื่อชั้นรองลงทุกขณะแต่การพัฒนา เพื่อก้าวสู่โลกของยุคสามมิติย่อมสร้างความสดและแปลกใหม่ให้ผู้คนหันมาสนใจ ได้เป็นอย่างด


เทคโนโลยีโทรทัศน์
เทคโนโลยีที่ทำให้การทำงานโทรทัศน์เป็นเรื่องที่ซับซ้อนอธิบายนี่ในขั้นพื้นฐานเบื้องต้นแฟชั่น,. แต่ดูเหมือนว่าโทรทัศน์ประดิษฐ์ที่ทันสมัยอย่างละเอียด, ใช้ได้เฉพาะตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 20, แนวคิดของ recreating ย้ายภาพ electrically ได้รับการพัฒนามากก่อนจะคิดทั่วไป. สามารถ traced อย่างน้อยถึง 1,884 เมื่อ Paul G. Nipkow สร้างดิสก์สแกนหมุนที่ให้ทางของการส่งการแสดงของภาพเคลื่อนไหวผ่านสายโดยใช้สัญญาณไฟฟ้าที่แตกต่างสร้างโดยเครื่องจักรที่สแกนภาพเคลื่อนไหว.
กลไกการสแกนของรูปภาพที่เกี่ยวข้องดิสก์ฟันด้วยเกลียวกลุ่มของหลุมตั้งอยู่ทั้งในการส่งและรับสิ้นสุด. ตาแมวเหมือนอุปกรณ์เปลี่ยนแปลงแรงของสัญญาณไฟฟ้าในอัตราที่แสดงจำนวนของแสงกดปุ่มเซลล์ผ่านหลุมในดิสก์หนึ่งมากกว่าจำนวนของแสงที่มากความแข็งแรงของสัญญาณไฟฟ้า . เมื่อสิ้นสุดการรับที่มาของแสงแตกต่างกันในความรุนแรงในอัตราของสัญญาณไฟฟ้าจะได้รับและสามารถเห็นผ่านหลุมในแผ่นหมุนได้ด้วยมัน recreating สำเนาน้ำมันดิบของภาพสแกนปลายส่ง.
วันนี้จะสแกนภาพเคลื่อนไหวอิเล็กทรอนิกส์อธิบายไว้ด้านล่างและสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ที่แตกต่างแสดงถึงภาพสแกนสามารถส่งหรือส่งแต่ลวดจะ recreated ที่รับหรือจอ.
กลไกการสแกนและส่งย้ายภาพที่เกิดขึ้นใน 1920s-กลางและโดย 1930s แรกอิเล็กทรอนิกส์สแกนมาแทนที่โดยทั่วไปวิธีการสแกนเครื่องกล. ที่แรกภาพได้ดิบ, น้อยกว่าผีภาพแต่เป็นโอกาสสำหรับโทรทัศน์เป็นกำไรทำสื่อที่ปรากฏเป็นเงินที่มากขึ้นและพยายามเข้าไปในการทดลองโทรทัศน์และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องตลอด 1930s.
ตามมาตรฐานทางเทคนิคสำหรับการสแกนและการส่งภาพโทรทัศน์ในอเมริกาได้ตกลงกันและมาตรฐานเหล่านี้ได้ในทั่วไปได้รับการรักษาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา. The American standard, known as มาตรฐานอเมริกันที่เรียกว่าโทรทัศน์แห่งชาติคณะกรรมการ System (NTSC) จะใช้ 525-line, 60 ช่อง, 30-frame, interlaced สแกน. ซึ่งหมายความว่าจะสแกนภาพในกล้องโทรทัศน์และทำซ้ำในเครื่องรับโทรทัศน์หรือจอภาพครั้งละ 30 วินาที. แต่ละภาพเต็มหรือเฟรมเป็นสแกนโดยการหารรูปภาพลง 525 เส้นแนวนอนแล้ว sequentially สแกนแรกของทุกสายแม้ (ทุกสายอื่นๆ) จากบนลงล่างสร้างช่องหนึ่งแล้วสแกนเส้นเลขคี่ในเดียวกันลักษณะการสร้างฟิลด์ที่สอง. ดังนั้น 30 ภาพที่สมบูรณ์หรือภาพแต่ละประกอบด้วยสองสนามถูกสร้างขึ้นในแต่ละวินาที. เนื่องจากไม่สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงบุคคลในแสงและภาพที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแล้ว 30 ครั้ง-per-second ภาพสแกนจะเห็นเป็นเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องลักษณะเฉพาะที่เรียกว่าวิริยะ "ฝัน" คล้ายกับการดูภาพเคลื่อนไหว. มาตรฐาน NTSC ใช้ในแคนาดาบางส่วนของเอเชียรวมทั้งญี่ปุ่นและเท่าของละตินอเมริการวมทั้งในสหรัฐอเมริกา. But there are two other "standards" in common use today. แต่มีสองมาตรฐาน "อื่นๆ" ในการใช้งานร่วมกันในวันนี้.
มาตรฐานสองจำนวนตัวแปรหนึ่งที่ใช้ในส่วนมากของยุโรปตะวันตกและอินเดียรวมทั้งพื้นที่อื่นๆ. SECAM 25 เฟรมต่อมาตรฐานที่สองจะใช้ในส่วนของโลกรวมทั้งฝรั่งเศส, รัสเซียและที่สุดของยุโรปตะวันออก. ที่อาจจะหรืออาจจะไม่ชัดประเทศที่ใช้ 60 เฮิรตซ์ (รอบ) AC (ไฟฟ้ากระแสสลับ) ไฟฟ้าได้นำ 30 เฟรมต่อระบบโทรทัศน์วินาที. ทั้งหมดนี้ในระบบโทรทัศน์เฟรมต่อวินาทีอัตราเท่ากับครึ่งความถี่ไฟ AC.
อัตราส่วนมุมมอง "ของหน้าจอโทรทัศน์ที่อัตราส่วนของขนาดแนวนอนไปยังมิติแนวตั้งเป็น 4:3. ตัวอย่างเช่นหากหน้าจอรับโทรทัศน์ 16 นิ้วกว้างหน้าจอจะเป็น 12 นิ้วสูง. (TV หลอดภาพมีการกำหนดโดยการวัดเส้นขวางพวกเขาดังนั้นในตัวอย่างข้างต้นหน้าจอจะอธิบาย TV 20 นิ้ว). บ่อยภาพเคลื่อนไหวที่ปรากฏทางโทรทัศน์ในหนังสือ "ช่อง" รูปแบบ. เพราะภาพเคลื่อนไหวจะยิงปกติในอัตราส่วนด้านที่มากกว่า 4:3 ที่จำเป็นออกจากพื้นที่สีดำด้านบนและด้านล่างของหน้าจอโทรทัศน์เพื่อให้หนังสามารถดูได้ในรูปแบบ resembling ขนาดละครมันโดยไม่ต้องตัดออกด้าน. "High Definition" television also utilizes a greater aspect ratio, generally 16:9. "โทรทัศน์" High Definition ยังจะใช้อัตราส่วนด้านมากขึ้นโดยทั่วไป 16:9.
กล้องโทรทัศน์ประกอบด้วยเลนส์เพื่อโฟกัสภาพไปยังผิวหน้าของหนึ่งหรือรับค่าอุปกรณ์และภายในที่พักอาศัยกล้องให้เลือกขึ้นอุปกรณ์ (s) และอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ทำงานกล้อง. A viewfinder to monitor the camera's images is normally mounted in or on the camera. เครื่องค้นหาเพื่อตรวจสอบภาพของกล้องเป็นปกติติดอยู่ในกล้อง. เลือกขึ้นอุปกรณ์ทั้งกล้องท่อหรือการเรียกเก็บเงินคู่อุปกรณ์ (CCD), คนอ่านภาพที่เน้นภาพและแปลงภาพเป็นสัญญาณไฟฟ้าที่แตกต่างที่แสดงถึงภาพ. ในกล้องคุณภาพสูงสามเลือกขึ้นอุปกรณ์ที่ใช้บ่อย; หนึ่งรับกันในสามแม่สี (สีฟ้า, สีเขียวและสีแดง) ที่ทำขึ้นภาพสี.
หน้าหลอดกล้องมีเนื้อหา photoemissive ที่ให้พลังงานไฟฟ้าออกนำเมื่อ light. ดีไฟที่จุดรับใดๆพลังงานมากขึ้นสร้าง. โดยการอ่านจำนวนพลังงานบนพื้นผิวของหลอดกล้องที่จุดแต่ละแทนอิเล็กทรอนิกส์ของภาพภาพที่สามารถสร้าง. หลอดกล้อง "อ่าน" จำนวนพลังงานสร้างพื้นผิวจากภาพที่เน้นด้วยการสแกนภาพทั้งแนวนอนและแนวตั้งกับคานอิเล็กทรอนิกส์ย้าย. สแกนเกิดขึ้นเนื่องจากการโก่งของคานแม่เหล็กแม่นยำ. แทนหลอดกล้องในกล้องที่ทันสมัยที่สุดที่เรียกว่าปกติกล้องชิป. อุปกรณ์รัฐมาตรการพลังงานที่จุดบนผิวที่เรียกว่าพิกเซล, แปลงและเก็บข้อมูลเหล่านี้และจากนี้แล้วส่งสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ที่แตกต่างที่แสดงถึงภาพ. รับภาพ CCD อุปกรณ์ขึ้นเป็นที่นิยมมากขึ้นเนื่องจากขนาดเล็กของชีวิตยาวไวกว่าและทนแสงความต้องการไฟฟ้าน้อย, การบิดเบือนภาพต่ำและความรุนแรง ในการรับของหรือการตรวจสอบของหลอดภาพกระบวนการหลอดกล้องเป็นกลับเป็นหลัก หน้าของหลอดภาพจะเคลือบด้วย phosphor เหมือนเนื้อหาที่ glows ลหลงเมื่อโดยลำแสงของอิเล็กตรอนเรืองแสงเวลานานพอที่จะทำให้ภาพสแกนปรากฏแก่ผู้ดูอิเล็กตรอนใบคานบางของอิเล็กตรอนที่หน้าจอจากภายในหลอดภาพ ทิศทางของแสงจะแตกต่างกันในลักษณะที่แม่นยำโดยการโก่งแม่เหล็กในทางตรงหรือ synchronizes กับภาพต้นฉบับสแกนโดยกล้องโทรทัศน์ สีหลอดภาพจะมีปืนอิเล็กตรอนหนึ่งเช่นใน Trinitron หรือสามปืนหนึ่งสำหรับสีหลักแต่ละหนึ่งความแตกต่างที่สำคัญระหว่างรับและจอภาพควรจะกล่าวถึงนี่ รับสามารถปรับความถี่ในสถานีโทรทัศน์และแสดงภาพที่มีการส่ง ตรวจสอบไม่ได้มีการปรับองค์ประกอบและสามารถรับสัญญาณวิดีโอด้วยลวดเพียง.
ที่สถานีโทรทัศน์เป็นสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์จากกล้องโทรทัศน์สามารถรวมกันและผสมหรือสัญญาณวิดีโอจากอุปกรณ์อื่นๆเช่นเครื่องเล่นเทปวิดีโอคอมพิวเตอร์โซ่ telecines ภาพยนตร์หรือภาพเคลื่อนไหว (และหน่วยฉายผลที่ได้รับการแปลงสัญญาณวิดีโอ) โดยใช้สิ่งที่เรียกว่าเปิดปิด ยังใช้เพื่อสร้างการแสดงผลพิเศษต่างๆอิเล็กทรอนิกส์. ออกจากวิดีโอจะสามารถเปิดปิดแล้วจะบันทึกส่งไปยังสตูดิโออื่นหรือห้องควบคุมหลักหรือส่งโดยตรงส่ง.